เรื่องของจับฉ่าย

เมื่อวานเย็นทำต้มจับฉ่าย ปรากฎว่าจับฉ่ายหม้อนี้ถูกใจคนทำที่สุด ถูกใจยิ่งกว่าจับฉ่ายหม้อเก่าก่อนที่ได้เคยทำ การทำอาหารนั้นบางครั้งก็ซ่อนแง่คิดในการใช้ชีวิตไว้อย่างแยบยล ไม่มีชีวิตใดที่ไม่มีปัญหา การทำอาหารนั้นเหมือนกับจะบอกจะสอนว่าค่อยๆแก้ไขและค่อยๆใช้ชีวิตกันไป
เหมือนอย่างจับฉ่ายหม้อนี้ มีแค่ก้านคะน้าก้านแก่ๆไม่กี่ก้าน (ที่ไม่แก่นั้นเก็บเอาไว้ผัดคะน้าปลาเค็มวันพรุ่งนี้เช้า) ผักกาดขาวไม่กี่ใบ กับฟองเต้าหู้ที่เหลือจากการทำแฮ่กึ๊นเท่านั้น ปรุงรสน้ำซุบด้วยกระเทียมรากผักชีโขลกละอียด ใส่ซอสปรุงรส เกลือและน้ำมันหอยเพียงเท่านี้ก็ออกมาอร่อยถูกใจ
ถ้าจับฉ่ายหม้อนี้จะต้องถูกต้องตามสูตรต้นตำหรับนั้นก็คงต้องยุ่งยากวุ่นวายกว่านี้ อย่างแรกก็คงต้องเปิดตำราหาสูตร จากนั้นออกไปตลาดเพื่อหาซื้อเครื่องปรุงให้ครบ ทั้งโครงไก่ที่นำมาต้มซุบ และผักอีกสารพัดชนิดมาเพิ่มเติม ทั้งหัวไชเท้า แครอท คึ่นช่าย ต้นหอม แค่คิดก็รู้สึกเหนื่อย

ที่จริงการใช้ชีวิตมันไม่ได้ยาก แต่ก็ไม่ง่าย บางครั้งตัวฉันเองก็อยากที่จะมีเวลาคิดมีเวลานั่งเขียน แต่ความที่เป็นครอบครัวใหญ่นั้น เรื่องบางเรื่องก็จะถูกตัดหายไปจากความต้องการของชีวิตบ้าง ถามตัวเองว่าเบื่อไหม ก็ตอบว่าเบื่อ ใครบ้างหล่ะที่อยากจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป แต่ถ้าถามว่า “เสียใจไหม?” ก็ขอตอบว่าไม่เสียใจเลยที่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้ และต้องขอบคุณทุกๆสิ่งที่ทำให้เราได้มาพบเจอกัน