เรื่องเล่าที่ยาวไม่รู้จักจบ

 

"ครั้งที่สอง กับสรรพสิ่งอีลังติงนุง ยากไหมกับwww เดี๋ยวนี้คำตอบคือไม่ เพียงวุ่นวาย นิดหน่อย อีกหน่อยคงปรับตัวได้ ดีกว่านี้ 
รีบเขียนสเปรสดีกว่า เข้าโพล้เพล้แล้วเด๋วแสงจากจอคอมพ์จะทำให้ปวดหัวไม่หายอีก
วันนี้ เป็นวันหยุดสุดท้ายแล้ว นับๆดูนานกว่าปิดปีใหม่อีก ก่อนฮอลิเดย์ครั้งนี้ป๋าจึงสั่งให้เรานัดลูกค้าลงมาเจอกันที่กรุงเทพวันพฤหัส ทำงานเสร็จแกกะว่าจะออกจากกรุงเทพฯไปทะเลก่อน กองทัพมนุษย์ก่อนหนึ่งวัน เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องไปแย่งเค้ากินเค้าเที่ยว แต่ครั้งนี้อลังการงานสร้างกว่าทุกครั้ง คือยกกันมาทั้งออฟฟิสเลย แน่นอน เที่ยวไปทำงานไปเหมือนเคย แต่ครั้งนี้ก็เท่กว่าคร้งก่อนๆอีก ป๊าดติโถ่ เรามีpdaติดมาด้วย รับส่งเอกสารประวัติคนงานกันอีมั่วเลยในรถงานนี้ ยิ่งมีคุณปูกับคุณซีมาด้วยนี่ยิ่งมั่วไปกันใหญ่

กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ..ก็เย็นย่ำ เข้าที่พักจึงสลบอยู่บนเตียงกับคุณปูคุณซี
แล้ว มาร ก็ มา ผจญ (จอมมารมินินามก้องระบือ ชื่อ นนท์ งามจน) มาลากเจ้าหญิงนินทราไปฟาดฟัดบุบเฟ่ห์ทะเลเผา เมื่อเริ่มเมาคลื่นฟองเบียร์ การสนทนาจึงยิ่งได้รสได้ชาดที่สุดเมื่อเราคุยกันเรื่องเกมส์ 

เช้าอีกวัน เราออกจากกรุงเทพฯสายๆ แวะไปรับพาสฯคนงานที่เซ็ลทรัลฯบางนา และมุ่งหน้าไประยอง เป็นวันที่อากาศไม่อำนวยเท่าที่ควร เจอฝนตลอดทาง ถึงบ้านเพ บ่ายสามครึ่ง หาอะไรใส่ท้องก่อนข้ามเกาะ มองฟ้าทางเสม็ดโปร่งตาค่อยอุ่นใจ

        
 
"ป๋าคะ เดินหาที่พักไปเรื่อยๆเหนอะ เอาแบบไม่เยอะนะคะ" และเมื่อป๋าพยักหน้า จึงได้สวมบทบาทผู้รู้จริงไม่อิงเสม็ดในทันใด "น้ำบนเกาะแพงอ่ะ เดี๋ยวเราแวะ เซเว่น ซื้อพวกเครื่องดื่มไปเลยนะ เอาพวกขนมปัง นมไปด้วย เพราะกลางคืนถ้าหิวจะไม่มีอะไรทาน .."
และเมื่อถึงเซเว่นทุกคน(ที่ไม่เคยเที่ยวทะเล แบบเกาะๆ)จึงกว๊านเสบียงกันแบบไม่มียั้ง
ส่วนเรา "ซีแกรมขวดค่ะ สายฝนสอง"..
"หญิงเอาโซดาไหมเดี๋ยวพี่หยิบให้"พี่ยีถาม .."โซดาไม่ต้อง"
แอบมองของในมือพี่ยี แกหิ้วน้ำดื่มขวดละหกลิตรมาสองขวด เมถือไวตามิ้วค์หกกล่องกับขนมมากมาย 
สัมพาระ ทุกชิ้นอันทยอยขึ้นเรือเรียบร้อย ของครบ คนพร้อม เรือจึงพาเรามุ่งหน้าสู่เกาะ "เราลงหน้าด่านนะคะป๋า" "จ๊ะ"ป๋าที่กำลังพยายามเป็นพระเอกมิวสิคที่หัวเรือหันมารับคำมั่วๆไป และเมื่อหัวหน้าไม่ใส่ใจใคร ทุกคนจึงตั้งใจฟังคำบอกของเราคนเดียว "เดี๋ยวเราต้องเดินข้ามเขาสองลูก เลาะแหลมอีกนิดหน่อยนะ" เมดูจะมีความสุขมาก พยักหน้ารับคำแข็งขัน มองหน้าเมแล้วโครตมีความสุข-ในใจ (คนเดียว)
เมื่อเรือมาถึงหน้าด่าน จึงพาทุกคนขึ้นสองแถวไปลงที่อ่าวทับทิม (จะพาเดินตั้งแต่หน้าด่าน ก็กลัวตัวเองจะเหนื่อย จึงขอใช้ตัวช่วยค่ะ)

"หนักว่ะ"เสียงพี่ยี แว่วมาตามลม ยิ่งได้ยินก็ยิ่งสุขใจ และเมื่อถึงอ่าวทับทิม ต่างคนต่างหยิบสัมภาระของตน ป๋าใจดีช่วยพี่ยีขนน้ำหกลิตรถังหนึ่ง แต่ลากมาได้สักร้อยเมตรจึงยกให้เม…เราเดินนำลิ่วมุ่งหน้าขึ้นเขาเป็นคนแรกในฐานะผู้รู้ ข้างหลังต่างก้าวเท้าย่ำตามให้ทัน เดี๋ยวหลง ยังไม่มีเสียงบ่นแต่อันใด และเมื่อมาถึงเขาลูกที่สอง และเจอกองทัพยุงทัพใหญ่เริ่มมีเสียงคร่ำครวญเล็กๆ เราเอาสัมภาระหนูซีมาถือเพราะลูกนี้โขดหินและชัน สามคนพลัดกันลาก กันดึงขึ้นนำไป โดยไม่มีใครคิดมองหลัง  ป๋าถึงเป็นคนแรก (ได้ไง) ไม่รู้
พอหาห้องพักได้ นานเกือบชั่วโมง เมกะพี่ยีจึงเดินขาลากลิ้นห้อยหอบแฮกมาโชว์ตัวที่หัวอ่าวลิบๆ ไม่มีเสียงบ่น เพราะหอบเสียจนพูดไม่ได้ แต่พอหายเหนื่อยก็พากันโดดลงทะเลทันที เรากะป๋าที่นั่งสบายอารมณ์ วันแรกผ่านไป น้ำดื่มเจ้ากรรมก็ไม่ได้ลดลงเลย และทุกคนก็ต้องย้ายหาดเพราะป๋าไม่ชอบป้าเจ้าของอ่าวลุงหวัง เราออกไปตระเวนตามอ่าวอื่นๆ และไปปิ๊งอ่าวช่อ เข้าให้อย่างจัง หนิงปิ๊งชิงช้ารูปไข่ ป๋าชอบอัธยาศัยเจ้าของอ่าว ลงตัวเลย คนอื่นๆโนคอมเม้นท์ ตั้งท่าโดดทะเลกันอย่างเดียว จึงรีบไปเก็บของกันด้วยความรวดเร็ว "พี่ๆอย่าลืมน้ำดื่มนะคะ มันแพง"เราตะโกนบอกพี่ยีที่อยู่ห้องข้างๆ ไอ้เมจึงเริ่มบ่นอ่อยๆ จับใจความได้ว่า เมื่อวานเย็นแบกมันปีนโขดหินไต่เขาเกือบจะโยนมันทิ้งไปแล้ว หนักบรมเลย …เราได้ยินแบบนี้ก็ยิ้งชื่นใจ แต่ยังเน้นประโยคเดิมๆว่าน้ำดื่มมันแพงอย่าทิ้งนะ หิ้วไปด้วย 

แต่เมื่อมารมินิ เดินทางตามมาถึง…………
"เม พี่บอยบอกให้ไปรับคุณนนท์ที่ท่ารถหลังอ่าวหน่อย".
พี่ยีเดินลงไปบอกเรากะเมที่กำลังปล้ำกับแพยางในทะเล พูดจบแกนิ่งไปครู่..แล้วก็ถามเราว่า "อ้าว..ที่นี่มีท่ารถด้วยเหรอ"
เราจึงแก้เก้อกับไก่ย่างริมหาด ปล่อยเป็นปริศนาธรรมต่อไป 

นั่นหละน้า..ไม่มีความลับในโลก

วันนี้พอทุกคนเริ่มรู้ระแคะระคาย ว่าโดนเราอำ จึงพยายามกำจัดน้ำดื่มเจ้ากรรมทุกวิถีทาง

ข้อแรก ไม่มีใครกล้าเททิ้ง รึทำลืม เพราะกลัวเราฆ่าตาย
ข้อสอง กลัวเราด่าไม่เลิก ระยะเวลานั้นยาวนาน อาจจะเป็นขวบปีก็ได้ จึงไม่มีใครกล้าเสี่ยง

ที่ห้องพักจะมีน้ำดื่มแช่เย็นๆ ฟรี สอง ขวด แต่ไม่มีใครดื่ม พยายามเทน้ำขวดหกลิตรดื่มกัน ทั้งที่ร้อนกันจาตาย
เป๊ปซี่ ก็เป็นหมันครั้งแรกในรอบปีนี้
พี่ยีน่าสงสารสุด…ป๋าซื้อส้มตำมาฝาก ส้มตำที่นังแม่ค้าใส่พริกไปสามไร่…เผ็ดจนน้ำลายหนืด ก็ยังต้องยกน้ำไม่เย็นดื่มแก้เผ็ด อั๊กๆๆๆ
เรานอนเท้าคางมองผึ่งแอร์มองอย่างชื่นใจบนเตียง
ย้ายห้องครั้งนี้ ป๋าเลือกบ้านแบบ แฟมิลี่ สองเตียงใหญ่ๆ พร้อมเตียงเสริม หนิงจึงมีความสุขมากๆ ได้ตามติดทุกจังหวะชีวิตของเจ้าน้ำดื่มสองถังใหญ่ที่ไม่รู้จักจะลดลงสักที "เออนี่..พรุ่งนี้เราต้องย้ายอีกนะ อ่าวนี้ไม่ว่างค่ะ ทัวส์ลงเค้าจองไว้ค่ะ…"

ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์….
พอหายเหนื่อย ป๋าหยิบเหล้าไปริมหาด จับจองเก้าอี้ ทำเก๋ อยู่ริมหาด เราหยิบหนังสือกับโทรศัพท์ กะตามไปร่วมเก๋เก้ เมหิ้วน้ำดื่มเจ้ากรรมตามมา
ประมาณว่าโซดาไม่ต้อง ใส่น้ำแทนก็ได้วะ ก๊ากก..ทุกคนนิสัยไม่ดีมากๆเลยอ่ะ ล้างมือก็เทน้ำขวดนี้ ป๋ายิ่งอุบาดเอาไปล้างหน้า บอกว่าน้ำไม่สะอาดแสบหน้า ใช้น้ำดื่มล้างแทนสะอาดดี …

และด้วยความที่ไม่ค่อยชอบออกจากบ้านป๋าจึงเตรียมครีมกันแดด (ของฝรั่งเศษ) มาให้ขวดมันแบนๆเล็กๆเอสพีเอฟห้าสิบกะซันบล็อคอีกสามสิบมาให้เราที่ไม่รู้จักของพวกนี้ "ทาสะเด๋วดำ ใช้หยดสองหยดพอนะ มันแพง.."แป่ว หนิงจึงเหยาะออกมาพอเป็นพิธีนิดๆ อีอั้มมาทันทีเลย "อะไรอ่ะ กันแดดเหรอเออลืมทา ขอหน่อย" แล้วมันก็คว้าไปเทใส่อุ้งมือเยอะมาก มากกกก..ป๋าฆ้อนตาเขียวเลย
แล้วแกก็สลัดโสร่งสีแดงช้ำออก โชว์กางเกงว่ายน้ำลายเสือ
"ออกลายมาเล้ย ออกลายให้เห็น"เจิ้บ เจิ้บ

       

"โอ้ยยยพี่บอย เอาหัวทิ่มดินสิพี่ ครายเค้าอาววหัวชี้ฟ้า โอ้ยย" อีอั้มคร่ำครวญ ป๋าเห็นอั้มโวยวายแกก็ยิ่งแอ่นเย้ยฟ้าท้าทะเล "อั้มมีดีก็ต้องโชว์อั้ม เสียตังค์มาแล้วเต็มที่ คงไม่มีใครรู้หรอกว่าพี่ชื่อบอย"
แล้วป๋าก็ร่าเริงลงทะเลไป ปล่อยอั้มอั้มอึ้งทึ่งเสียวแต่เปลี่ยวดาย

อั้มบอกว่ามาคราวนี้เดี๋ยวเอารูปไปลงบอร์ดคลับ เป็นมิตติ้งครั้งยิ่งใหญ่ของคลับ (ป๋ากะอั้ม) ทั้งสองคนจึงแอ็คกันหลายเวอร์ชั่นมาก
โชคดีที่ตากล้องไม่ไช่หนิง อยากมีอ็อคได้
"เอ๊ะ ทำไมเค้ามองพี่จังอ่ะอั้มเวลาใส่โสร่งเดิน หลายครั้งละนะ" แววตาป๋าเป็นประกาย 
"หนูหยิ่งนี่ใช่ผืนที่ซื้อมาจากบาหลีป่ะ"แกก้มมองโสร่งอย่างชื่นชม
"ไม่ใช่ค่ะ คนละโลกเลยป๋า ผืนนี้หนูซื้อมาตอนหนูไปเที่ยวสุรินทร์" ป๋ากร่อยไปนิด..เราถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจบอกป๋าว่า
"ที่เค้ามองอ่ะ เค้านึกว่าป๋าเป็นพวกคนงานก่อสร้างพม่าหนีออกมาเดินเล่นป่าว"

….ฟ้าครื้มในทันใด ไปนอนเล่นในห้องดีกว่าตรู

เข้ามาถึงห้องมองน้ำอีกขวดตั้งสงบนิ่งอยู่ข้างๆตู้เย็น โดดขึ้นเตียงนอนมองมันจนผลอยหลับไป

ครั้ง แรกกับspaces.mobile

[qop]ลำเค็ญเหลือเกิน เจ้าค่่ะ
ครั้งแรก ที่ต้องจิ้มทีละตัวกะการเขียนblock….
แก้เงี่ยนไปพลางๆก่อน
อีกครั้งที่ตบเท้าก้าวออกจากบ้าน
แต่คราวนี้มีเทคโนโลยีห้อยตุ้ดติดมาด้วย อารายจะปานนั้นแม่เจ้าโว้ย

คิดสะว่ามันเป็นเช่นทุกวัน แล้วจะดีเอง

 
วันนี้ตั้งใจเลยว่าจะไม่เล่นเกมส์เด็ดขาด …มันปวดหัวไม่ยอมหายมาหลายวันแล้วปวดมากๆโดยเฉพาะ
ตอนเช้า
แม่ทำต้มตือฮวน.. กินแนมกับเจ้าชายส้มหล่น อร่อยดี แต่เจ้าชายไม่หล่อ 
จบละครขึ้นมาเก็บกวาดห้อง …แล้วก็ไปหาก๋วยเตี๋ยวกิน ..หิว อีก แล้ว ค๊าบบ หิวบ่อยจังวุ้ย.
วันนี้นั่งดูหนังไป ถักนิตติ้งไป หนังจบไปสามเรื่อง เชร็ค แฝด แล้วก็หนังฝรั่ง ซึ้งไม่รู้ชื่อเหมือนเดิม
มีอะไรในฮาร์ดดิสเปิดหมด เย็นไปกินหมูกะทะกัน วันเกิดคุงปู หัวเหนอะกลับมาบ้านตามเคย
วันนี้เป็นเป็นไรวะ เขียนบันทึกยังห่วยเลย

Flash Toy แอบแบ๊ว

 http://www.layoutcodez.net/flashtoys/scratcher/show.swf?baseURL=http://www.layoutcodez.net/flashtoys/scratcher/&clickURL=http://www.layoutcodez.net/&clickLABEL=layoutcodez.net&flashLABEL=layoutcodez-FlashToys&txt=kidtongnanu-ning16july2007&cl1=0&cl2=16777215&cl3=13369344
นั่งดูอัจฉริยะข้ามคืนไป เล่นคอมพ์ไป
เจอ Flash Toys มานานแล้ว ชอบเล่นมากๆ
แต่ไม่ชอบมันอยู่อย่าง คือไม่รองรับภาษาไทยเลยอ่ะ เศร้าไปเลยเรา
จะทำอะไรน่ารักๆ จะแอบแบ๊ว ให้บางคนยิ้ม ก็ยากละที่นี้
(_*_) แสรดดดด
ฝากข้อความเป็นภาษาคาราโอเกะ แป่วว.. ก็ได้เท่านี้แหละ
(ToT)~ คิด ถึง นะ นะ นะ

กOด กลิ่น ความทรงจำ

เกือบหนึ่งปีแล้วที่บางเสี้ยวชีวิตจมอยู่ในนี้
อีกเพียงไม่กี่วัน สเปรสเราจะครบ ขวบปี คืนก่อนคลิ๊กบันทึกหน้าแรกขึ้นมาอ่าน นั่งขำตัวเอง ทั้งขำทั้งอาย แต่นั่นแหละนะก็คนมันไม่รู้นี่นา แค่ลงเพลงก็ยังทำไม่เป็นเลย เคยคิดว่าอยากรื้อบันทึกสเหร่อๆหลายๆหน้า มาทำใหม่ให้สวยๆ แต่ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ทำ เพราะหากทำแบบนั้น เท่ากับทำลายอดีตที่น่ารักไปเลย
เมื่อกี้กด "กอดลม-ห่มดาว" ขึ้นมาอ่าน กลิ่นหอมของเรื่องราวยังคงอบอวล แม้วันนี้จะเป็น อดีต แต่ก็เป็นความทรงจำที่จะกอดแบนอกไว้แสนนาน วันหนึ่งมันอาจเลือนลาง
แต่ครบสองขวบปี กลับมาอ่านอีกที ก็ยังคงหวานละไม วันนี้ชีวิตเราก็ยังคงวุ่นวาย ล้า ในใจ เหมือนเคย อยากตายแต่ยังตายไม่ได้  ไม่ใช่ว่าโลกไม่น่าอยู่แค่เบื่อกับปัญหา ไม่แปลก เพราะไม่มีใครอยากมีปัญหา
แต่เราเบื่อตัวเราเองที่ยังยิ้มได้ เมื่อภัยมา ฝืนยิ้มกันไป ทำไม  ยิ้ม หัวเราะจนเคยตัว บางเวลาอยากปล่อยโฮ แต่ทำไม่เป็น
ลืมไปแล้ว