วกๆวนๆ

ทำไมวันๆมันยุ่งแบบนี้นะ
ไม่สิ ไม่ใช่ว่ายุ่ง แค่มีอะไร อะไรให้ทำทั้งวันตั้งแต่ตื่นยันหลับตาเท่านั้นเอง

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ พยายามที่จะตื่นมาใส่บาตรตอนเช้าก็หาได้ประสบความสำเร็จไม่ บางวันตื่น แต่ก็อยากที่จะนอนต่อ บางวันก็นอนตูดโด่งถึง 9 โมงเลยก็มี

ตื่นมาแล้วทำอะไร?
อืม ตื่นมาก็เก็บบ้าน นั่น โน่น นี่ นิดหน่อยพอให้สะอาดไม่สากเท้าเวลาเดิน

จากนั้นก็ฝังรากที่หน้าคอม อย่างแรกเช็คเมลล์ ตอบเมลล์
จากนั้นก็ออนเอ็ม ออนทิ้งออนขว้างไว้อย่างนั้นแหละทั้งวัน เอาไว้รับงาน จ่ายงาน และเม้าส์มอย

ออนเอ็มเสร็จก็ออนเฟส ไล่ดูชีวิตของชาวบ้านที่ชอบเปิดเผยทุกๆเรื่องของตัวเองให้คนอื่นๆรู้ พวกนี้เป็นพวกที่ไม่อยากเก็บไว้เป็นความลับเพียงคนเดียว มันอึดอัด จุกเสียด เรอไม่ได้ ตดไม่ออก ส่วนเรา…เรื่องพวกนี้เหมือนขนมหวาน บางครั้งก็เป็นอาหารว่าง หรือไม่ก็ขนมขบเคี้ยว วันไหนไม่ได้เสพก็รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างหายไป สรุปได้ว่าโรคจิตทั้งสองฝ่าย

ส่องดูคนอื่นเสร็จ ก็ต้องเช็คแฟนเพจทั้งสองว่าอยู่สุขสบายดีไหม มีอะไรเติมได้ ก็หมั่นเติมอัดเข้าไป อัพงานใหม่ ตามงานเก่า ทำอยู่อย่างนี้จนถึงบ่าย 3 โมงครึ่งจึงสบัดตูดไปตลาด กลับจากตลาดก็ล้างจาน ทำกับข้าว ภาระกิจเมื่อขานี้เสร็จประมาณ 5 ถึง 6 โมง

จากนั้นก็กินข้าว
อันที่จริงตั้งโปรแกรมหลังกินข้าวเอาไว้ ว่าจะต้องปั่นจักรยานรอบกว๊าน 1 รอบ แต่….เบาะจักรยานแข็ง เจ็บอิโป๋ ไม่ชอบเลยเลิก ขี้เกียจด้วยแหละ ฮี่ ฮี่ ตอนนี้เลยตัดตอนนี้ออกไปสะ ขึ้นไปเก็บผ้าไม่ก็ตากผ้าข้างบนดาดฟ้า แล้วก็ลงมานั่งถักชุดสวยต่อแปปหนึ่งพอหายเหนือ่ยก็อาบน้ำ เสร็จแล้วก็มานั่งถักชุดสวยต่ออีก ถักไป ดูทีวีไป
4 ทุ่มครึ่ง แบตหมด!!

วีดีโอ

เคยไหม?

เคยไหม?
ฟังเพลงแล้วร้องคลอตามไปเบาๆ
แอบยิ้มบางๆเพราะ “คิดถึง”…….
แล้วจู่ๆหัวใจก็อยากจะร้องไห้สะอย่างนั้น

วันนี้นู๋ขี้เกียจมั่กๆ คร่าาาาาา

วันนี้เป็นวันที่เงียบ สงบ สบายที่สุดวันหนึ่งเลยในหลายๆรอบปี
มีแค่ฉันกับหมาขี้เซา 1 ตัว บีคูลหมาอ้วนที่วันนี้แทบจะไม่ขยับไปไหนเลยนอกจากนอนแฉะอยู่บนโซฟา ฟา อะเวย์ เอ เอ๊ เอ๊ เอ..
ตั้งใจว่า ช่วงเช้าจะทำงาน บ่ายๆจะไปโรงพยาบาล
ช่วงเช้าก็ราบรื่นดีอย่างที่คิดไว้ คุยโทรศัพท์ไปเปิดน้องถุงไปเหมือนที่เคยทำทุกๆครั้งถ้างานไม่ยุ่งมากนัก
แต่ว่าเมื่อเช้าตื่นเช้าไปนิสสสส เลยรู้สึกง่วง จึงลุกไปเสียบน้ำร้อนชงชาดำเย็นดื่ม กะว่าหมดแก้วจะออกไปโรงพยาบาล
แล้วมันก็มี “แต่” ตามมาอีกหลายแต่ สุดท้ายก็เริ่มขี้เกียจ
จนวินาทีนี้ “ขี้เกียจ” ก็ไม่ยอมไปไหนสักที จะทำยังไงกับตัวเองดีนะ
ทำยังไงดีน้าาา ทำยังไงดีหน้ออออ

ไม่ต้องทำอะไรละ ฝนตกพอดี อืม…เข้าทางมีข้ออ้างสมใจ

หัวข้อนี้หนูเบื่อ

วันนี้หมอบอกว่าจะถอดสายฉี่ให้แม่ แล้วจะให้หัดเดิน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเดินได้แล้วจะให้กลับบ้าน ยังต้องอยู่ทำแผลต่อไปเรื่อยๆจนกว่าแผลจะหายดี
ส่วนแม่ ที่คิดไปเองว่าถ้ายอมให้หมอตัดเท้าเพิ่ม จะได้นอนโรงบาลอีกแค่ไม่กี่วันก็กลับบ้านนั้นถึงกับนอนถอนหายใจ

จะถอนหายใจไปทำไม๊ ชีวิตออกจะสบายนอนคิดถึงแต่เรื่องกินไปเถอะ คิดแต่ว่าตัวเองทุกข์ทนทรมานคนเดียวอยู่ได้ ไม่ดูคนรอบๆข้างเลยว่าเค้าเดือดร้อนเพราะตัวขนาดไหน บางทีก็อยากโดดบีบคอให้ขาดอากาศหายใจตายไปสะ
เห้ย!!!! เลวอีกละกู

รู้จากซีว่า ที่ก้นคุณย่ามีแผล และแผลเริ่มใหญ่และเป็นหนองจนย่าไม่ยอมใส่แพมเพิส และไม่ยอมบอกหมอถึงแผลที่ว่านี้ ผลที่ตามมาก็คือ เมื่อคืนขี้เลอะไปทั้งเตียง และซียังบอกอีกว่าย่าให้ไปซื้อน้ำกระเจี๊ยบที่ 7/11 ให้ย่าด้วย ย่าอยากกินน้ำหวาน

เป็นเบาหวาน อยากกินหวาน สังสัยกลัวน้ำตาลในเลือดไม่เหนียวข้นพอ เลยคิดอยากจะเติมลงไปอีก
ดี!!! กินเข้าเยอะๆ กินเข้าไป

ตั้งใจว่าเย็นนี้จะบอกพยาบาลถึงเรื่องแผลที่ก้นของแม่ พรุ่งนี้พยาบาลจะได้แจ้งหมอให้ตรวจดูแผล ว่ามันจะลามจนเป็นเรื่องใหญ่โตอีกไหม ไม่อยากจะคิดสภาพเลย ไหนแผลตัดเท้าไหนจะแผลที่ตูด เห้อ…

ข้างเคียง

ตอนนี…

ตอนนี้ ต่างฝ่ายก็ต่างแบกรับความอดทนอดกลั้นกันไว้

ทั้งตัวคนป่วยเอง และครอบครัว
มันเป็นเรื่องที่เริ่มจะยาวนานพอสมควรแล้ว เรื่องแม่ป่วย เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ เราก็ยังเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลกันเป็นว่าเล่น เหมือนกับละครที่เรตติ้งกำลังพุ่งพรวดจนคนเขียนบทต้องเขียนบทเพิ่มเพื่อลากยาว ยาว และยาว จนอืด เอียน เอือม อิดหนาระอาใจไปตามๆกัน

มันนานจนตัวคนป่วยเองก็เริ่มบ่นอยากจะตาย
ตัวญาติๆเองก็อยากจะให้หมอตัดคอแม่ไปสะจะได้รู้แล้วรู้รอดกันไป
ไม่ต้องมาค่อยๆแทะ ค่อยๆเล็มกันไปแบบนี้
เราทุกคนรู้ รู้ว่าแม่จะไม่มีวันหายจากโรคเบาหวานได้หรอก
ทั้งๆที่เบาหวานไม่ใช่มะเร็ง แต่คนที่ไม่ดูแลตัวเองเลยอย่างแม่ ยังไงก็ไม่มีวันหาย
เค้าห้ามกินอะไร นั่นคือสิ่งที่แม่อยากจะกิน และหามากินจนได้

ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ก็ได้แต่อดทนกันไป

เหลือก็แค่รอ รอวันสุดท้ายมาถึงเท่านั้นเอง